วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ซิฟิลิส (Syphilis)

                โรคซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่สะสมเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซิฟิลิสสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ถ้าหากปล่อยไว้
เป็นระยะเวลานานอาจทำให้ระบบการทำงานของร่างกายได้รับโรคแทรกซ้อนได้ง่าย
                โรคซิฟิลิสคืออะไร?
                โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคหนึ่ง มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum ลักษณะคล้ายเกลียวสว่าน ชอบอยู่ตามที่ชื้นและตายได้ง่ายเมื่ออยู่ในที่แห้งและเมื่อโดนน้ำสบู่ แบคทีเรียตัวนี้สามารถทำให้เกิดโรคแก่ระบบต่างๆ ของร่างกายได้หลายระบบ เช่น ซิฟิลิสระบบหัวใจและหลอดเลือด ซิฟิลิสระบบประสาท เป็นต้น นอกจากนี้ มารดาตั้งครรภ์ที่เป็นโรคซิฟิลิสจะถ่ายทอดโรคสู่ทารกในครรภ์ได้เรียกว่า ซิฟิลิสแต่กำเนิด
                สาเหตุของการเกิดโรคซิฟิลิส
                เกิดได้จากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันโดยการใส่ถุงยางอนามัย การสัมผัสของเสียหรือสารคัดหลั่งผู้เป็นโรคซิฟิลิส ทั้งนี้รวมถึงการติดต่อจากมารดาสู่บุตรด้วย
                อาการของโรคซิฟิลิสเป็นอย่างไร?
                อาการของโรคสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระยะ ดังนี้
                1.ระยะแรก เป็นระยะที่ยังไม่แสดงอาการ หลังจากที่รับเชื้อจะมีตุ่มเล็กๆที่อวัยวะเพศ(หี) ขาหนีบ ลิ้น ปาก หัวนม ตามส่วนที่สัมผัสกับเชื้อ และมีการขยายใหญ่ขึ้นและแตกออกเป็นวงกว้าง เมื่อทิ้งไว้สามารถรักษาหายเองได้
                2.ระยะที่สอง เชื้อจะเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองและแพร่กระจายสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดผื่นแดงทั้งตัว จะมีตุ่มนูนขึ้นมา แต่ไม่มีอาการคัน เรียกว่า “ระยะออกดอก” บางรายไม่มีผื่นขึ้นแต่จะมีอาการคล้ายไข้หวัดแทน
                3.ระยะที่สาม หรือระยะสุดท้าย ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี เชื้อจะเข้าสู่สมองและไขสันหลัง ทำให้ตาบอด สมองเสื่อม เป็นโรคหัวใจ อาจหนักถึงเป็นอัมพาต หรือเสียชีวิตเลยก็ได้
                วิธีการป้องกันและการรักษา
                สามารถป้องกันโรคซิฟิลิสได้โดยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่สำส่อนทางเพศ งดการใช้ปากทำรักกับผู้ติดเชื้อ เมื่อเกิดแผลบริเวณอวัยวะเพศ(หี)ให้รีบพบแพทย์

                สำหรับผู้ที่ติดเชื้อซิฟิลิส แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะในปริมาณมาก และจะต้องไปฉีดยาตามนัดทุกครั้ง ไม่ขาดยา เพราะจะทำให้เกิดอาการดื้อยาและไม่หายจากโรคได้

1 ความคิดเห็น: