วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เริมที่หี (Genital herpes)

เริมที่หี (Genital herpes)

                โรคเริมที่หี เป็นโรคที่เกิดการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Herpes simplex viruses type 1
และ Herpes simplex viruses type 2 ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่จะไม่ปรากฏอาการใดออกมา      แต่จะเกิดตุ่มน้ำที่ หีซึ่งเมื่อแตกออกจะเกิดอาการปวดแสบร้อนได้ เริมสามารถหายได้ภายใน 3-4 สัปดาห์ แต่สามารถเป็นซ้ำได้ จากการสำรวจพบว่าเริมที่หีพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และผู้หญิงสามารถติดเชื้อได้มากกว่าผู้ชาย
                อาการของโรคเริมที่หีเป็นอย่างไร?
                ผู้ที่ได้รับเชื้อส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าติดเชื้อจนกว่าจะปรากฏอาการออกมาให้เห็น จะมีอาการคันและแสบบริเวณหี จะสังเกตเห็นว่ามีตุ่มน้ำใสๆออกมา บางรายที่อาการรุนแรงอาจมีไข้ และต่อมน้ำเหลืองโตได้ ส่วนใหญ่หลังจากเป็นเริมครั้งแรกแล้วจะเป็นซ้ำ 4-5 ครั้ง ภายในปีเดียวกัน
                สำหรับแม่ที่ตั้งครรภ์ ในระยะ 3 เดือนแรกควรไปฝากครรภ์ เพื่อปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแนวทางการรักษา อาจทำคลอดโดยผ่าตัดแทนการคลอดธรรมชาติ
                การดูแลตนเองเมื่อเป็นเริมที่หี
                1.หมั่นทำความสะอาดหีด้วยการถูด้วยน้ำสบู่ จากนั้นซับให้แห้งแล้วทายาที่แพทย์ให้มา
                2.หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ และการสัมผัสเริม
                3.ควรใส่ชุดชั้นในที่สามารถระบายอากาศได้ เพราะจะช่วยลดการอับชื้นได้
                4.เมื่อเกิดอาการปวด หรือแสบร้อน อาจทานยาพาราเซตามอนเพื่อลดอาการปวดได้
                การป้องกันโรคเริมที่หี
                การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเพียงคนเดียว ช่วยลดโอกาสที่จะติดเชื้อเริมได้ และในช่วยที่เป็นเริม ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ และไม่ควรดูหนังโป๊เพราะอาจทำให้เกิดการติดต่อไปยังคู่นอนตนเองได้

วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ปีกมดลูกอักเสบ (Pelvic inflamatory disease)

ปีกมดลูกอักเสบ (Pelvic inflamatory disease)

                โรคติดต่อที่เกิดขึ้นในผู้หญิงอีกโรคหนึ่งคือ โรคปีกมดลูกอักเสบ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งซึ่งจะมีอาการตกขาว และปวดท้องน้อย บางรายเกิดการติดต่อทางกระแสเลือด เชื้อโรคที่พบบ่อยคือ เชื้อหนองใน ถ้าอาการไม่มากแพทย์ก็จะให้ยาปฏิชีวนะชนิดกิน แต่ถ้า มีการติดเชื้อรุนแรงจำเป็นต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ได้รับยาปฏิชีวนะชนิดยาฉีด โรคปีกมดลูกอักเสบจะหายภายใน 2-4 สัปดาห์ ส่วนใหญ่มักพบผู้หญิงช่วงอายุต่ำกว่า 25 ปี หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายหลายคน
                ในรายที่มีการติดเชื้ออุ้งเชิงกรานเรื้อรัง อาจต้องได้รับการรักษาเป็นระยะเวลานาน อาจก่อให้เกิดพังผืดในอุ้งเชิงกราน ทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อย บางรายอาจถึงขึ้นผ่าตัด
                อาการของปีกมดลูกอักเสบ
                1.ปวดท้องน้อย มักเริ่มปวดก่อนและหลังมีประจำเดือน มีอาการปวดเกร็งและหน่วงตลอดเวลา แสบร้อนขณะปัสสาวะ เลือดออกผิดปกติ ปวดท้องมากเมื่อมีประจำเดือน
                2.มีไข้ 38 องศา ขึ้นไป ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลังปวดท้องน้อย
                3.มีอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย อาเจียน ร่วมด้วย บางรายอาจปวดหลังหรือปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน
                4.ตกขาวแบบมีกลิ่น
                วิธีการป้องกัน
                ควรตรวจภายในทุก 6 เดือน เมื่อมีอาการปวดท้องน้อยควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของโรค ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะเชื้ออาจลุกลาม ทำให้การรักษาเป็นไปได้ยาก หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หลายคน และไม่ควรสวนล้างช่องคลอดบ่อยๆ เพราะจะทำให้ค่าความเป็นกรดตรงบริเวณหีถูกชะล้างออกไปหมด ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายและเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่าปกติ

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ฝีมะม่วง

ฝีมะม่วง

ฝีมะม่วง เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia Tracho matis ซึ่งก่อให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เมื่อสัมผัสที่หนองรือฝี จะทำให้เกิดแผลเล็กๆ บริเวณผิวหนังที่เชื้อเข้าสู่ร่างกาย แต่จะไม่รู้สึกเจ็บ ต่อมาจะทำให้เกิดการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองตรงขาหนีบ มีไข้ เจ็บตรงขาหนีบ ต่อมน้ำเหลืองจะบวมเป็นฝี ทำให้เดินเหินลำบาก อาจลุกลามจนทำให้ท่อนํ้าเหลืองตันและเกิดการบวมนํ้าของหี โรคนี้จะเกิดอาการภายใน 4-10 วัน หลังจากการสัมผัสเชื้อ
                ฝีมะม่วงเกิดจากแผลริมอ่อน หรือเกิดจากอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียอื่นๆตรงหี อาจจะมีอาการอักเสบ บวม แดง ของต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบได้ แต่มักจะบวมไม่มาก ฝีมะม่วงทำให้เกิดการนำไปสู่ท้อนอกมดลูก ภาวะมีบุตรยาก การปวดท้องน้อยเรื้อรัง หากไม่ได้รับการรักษาจะแพร่เชื้อไปสู่คู่นอนของตนเองได้
                อาการของโรคฝีมะม่วง
                ระยะแรกของการติดเชื้อจะมีตุ่นนูนใส หรือแผลขนาดเล็กบริเวณหี และหายไปเองได้ภายใน 2-5 วัน ต่อมต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบจะบวมโตติดกันเป็นก้อนฝี และทำให้เจ็บมาก ผิวหนังจะเกิดอาการบวมแดงและอาจเกิดพังผืดขึ้น อัณฑะจะบวม หรือช่องคลอดบวมมาก มีอาการไข้ มีผื่นขึ้น เบื่ออาหาร เวียนหัว คลื่นไส้ ปวดตามร่างกาย ฝีจะหายเองได้ใน 1 เดือน บางรายฝีอาจแตกเป็นรู ทำให้เกิดแผลเรื้อรังได้
                หากมีการร่วมเพศทางทวารหนัก อาจมีเลือดออก มีหนองไหลออกมาและเกิดการตีบตันของทวารหนักได้
                วิธีการดูแลตนเองเมื่อเป็นฝีมะม่วง
                เมื่อเกิดอาการขาหนีบบวม ควรรีบไปพบแพทย์ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง หากปวดมากสามารถทานยาพาราเซตามอนเพื่อระงับอาการปวดได้ ประคบอุ่นบริเวณที่ปวดประมาณ 5-10 นาที จะช่วยลดอาการปวดบวมแดงได้
                การป้องการโรค
                1.ไม่สำส่อนทางเพศ และไม่มีเพศสัมพันธ์กับผู้เป็นโรค
                2.รักษาความสะอาดของหีอย่างสม่ำเสมอ
                3.ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งในการมีเพศสัมพันธ์ และงดการชมหนังโป๊