วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หูดหงอนไก่ (Condyloma Acuminata)

หูดหงอนไก่ (Condyloma Acuminata)

                โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่น่ากลัวอีกโรคหนึ่งที่รู้จักกันดีคือ โรคหูดหงอนไก่ ถึงแม้จะเป็นโรคที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่สามารถทำให้เกิดความทรมานจากการเป็นโรคนี้มาก หูดหงอนไก่เป็นได้ทั้งชายและหญิง เกิดจากเชื้อไวรัส Human Papilloma Virus หรือที่รู้จักกันในนาม HPV ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูก แต่ถึงจะไม่มีเพศสัมพันธ์ก็สามาถรับเชื้อเข้าไปได้โดยการสัมผัสส่วนที่มีเชื้ออยู่ รวมถึงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อ กางเกงใน เป็นต้น
                อาการของหูดหงอนไก่
                หูดมีระยะการฟักตัว 2-6 เดือน เริ่มแรกผิวหนังจะเริ่มเป็นผื่นสีชมพู เมื่อผื่นมีขนาดใหญ่จะมีสีน้ำตาลผื่นนูนหนาขึ้น แล้วจะมีหูดก้อนเล็ก ๆ จนถึงก้อนโตขึ้นตรงหี ทวารหนัก เกิดการตกขาวผิดปกติหรือคัน บางรายมีอาการแสบร้อนตรงหี หูดจะมีลักษณะเหมือนกะหล่ำ เป็นติ่งเนื้อสีชมพู มีขนาดแตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่จะมีอาการในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้หญิงมีความชุ่มชื่นตรงหีมากกว่าผู้ชาย
                บางรายเป็นพาหะนำโรค คือ ไม่มีตุ่มนูน แต่มีเชื้อที่ผิวหนัง สามารถแพร่เชื้อได้โดยการสัมผัส
                วิธีการป้องกันและวิธีการรักษา
                การป้องกัน คือ การไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งขณะมีเพศสัมพันธ์ หลีกเลี่ยงการสัมผัสหูด ทำความสะอาดของเครื่องใช้เสมอ

                ส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นหูดหงอนไก่จะอายไม่กล้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษา สามารถหายเองได้แต่ค่อนข้างใช้ระยะเวลานาน บางคนอาจเกิดการลุกลามของเชื้อและอาจทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกได้ อาจใช้การทายา การขูด การจี้ด้วยความเย็นหรือจี้ด้วยไฟฟ้า และการผ่าตัด เมื่อหายแล้วควรฉีดวัคซีนป้องกันหูด

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หูดข้าวสุก

หูดข้าวสุก

                หูดข้าวสุก เป็นโรคที่ติดต่อทางการสัมผัสผิวหนัง สามารถพบได้ทั้ง เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่มักพบบริเวณหี จึงถือได้ว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นการถ่ายทอดเชื้ออีกทางหนึ่ง สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส Molluscum contagiosum virus หรือที่เรียกย่อๆว่า MCV โดยเชื้อไวรัสจะแบ่งตัวที่ผิวชั้นนอก ทำให้มีลักษณะเป็นตุ่มเนื้อที่ไม่มีอาการเจ็บหรือคันแต่อย่างใด มีรอยบุ๋มอยู่ตรงกลาง มีสีออกชมพู ไม่บวมหรือมีผื่นขึ้น ส่วนใหญ่จะหายเองได้ในเวลา 7-18 เดือน แต่มักตัดออกเพราะไม่ให้เกิดการลุกลามไปส่วนอื่น ในกลุ่มผู้ป่วยเอดส์นั้น โอกาสพบหูดข้าวสุกมีมากขึ้นคือ 5-18% และยังพบจำนวนตุ่มหูดข้าวสุกมากกว่าคนปกติอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามหูดข้าวสุกไม่ได้มีการติดเชื้อลุกลามไปยังระบบประสาทอย่างใด เป็นเพียงโรคทางผิวหนังเท่านั้น
                การป้องกันหูดข้าวสุก
                1.ล้างมือ และทำความสะอาดของเครื่องใช้ทุกวัน เพราะป้องกันไม่ให้เชื้อโรคมีมากขึ้น
                2.ไม่ใช้ของร่วมกันกับผู้อื่น เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว สิ่งของที่มีการสะสมเชื้อโรคได้ง่าย
                3.ไม่มีคู่นอนหลายคน
                4.ช่วงที่เป็นโรค ถ้าหูดเกิดในบริเวณหีควรงดการมีเพศสัมพันธ์ก่อน
                5.ใส่ถุงยางขณะร่วมเพศ งดดูหนังโป๊
                6.ไม่เกา หรือแกะหูด จะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายและทำให้แผลติดเชื้อได้ด้วย
                วิธีการรักษาทางการแพทย์
                1.การจี้ด้วยความเย็นและการขูด ซึ่งแพทย์จะให้การรักษารอยโรคซ้ำทุก 2-3 สัปดาห์ จนรอยโรคหายทุกรอย
                2.ยาจี้หรือการจี้ด้วยไฟฟ้า
                3.การใช้สารเคมีเข้าช่วย อาทิเช่น silver nitrate หรือ trichloracetic acid or iodine 

                4.การใช้ยาที่มีส่วนผสมของ Salicylic acid หรือยากระตุ้นภูมิคุ้มกันโรค

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

หนองใน (Gonorrhea)

หนองใน (Gonorrhea)

                โรคหนองในเกิดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งชื่อว่า Neisseria gonorrhoeae มีระยะการฝักตัว 10-15 วัน เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ เพศชายจะมีอาการปวดแสบควยและมีหนองไหลออกมา ทำให้เกิดมะเร็งอัณฑะ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ มะเร็งต่อมลูกหมากได้ ส่วนเพศหญิงส่วนใหญ่จะไม่ปรากฏอาการ อาจจะมีอาการตกขาวผิดปกติ ปวดท้องน้อย ถ้ามีอาการหนักมากขึ้นจะสามารถเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ ขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ติดเชื้อ ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้นานๆไม่รักษาให้ถูกวิธีจะทำให้เป็นหมันหรือเกิดภาวะมีบุตรยากได้ โรคหนองในสามารถติดต่อได้ทั้งทางช่องคลอด ทวารหนักและทางปาก
                อาการของโรคหนองใน
                ในผู้ชาย จะมีการอักเสบของอัณฑะ และท่อปัสสาวะอักเสบ มีหนองไหลจากปลายควย บางรายอาจไม่มีอาการ หากมีอาการมักจะปรากฏใน 1-14 วัน
                ในผู้หญิง จะเกิดอาการแทรกซ้อนและรุนแรงกว่าผู้ชาย โดยอาจมีปัสสาวะแสบขัด ตกขาว
มีเลือดออกทางหีระหว่างรอบเดือน หากติดเชื้อทางทวารหนัก อาจมีอาการคันหรือปวด เวลาขับถ่าย หากติดเชื้อในช่องคอ อาจมีอาการเจ็บคอ หรืออาจจะไม่มีอาการใดๆเลยก็ได้
                หากมีหนองในระหว่างการตั้งครรภ์ ทารกสามารถติดเชื้อได้จากการสัมผัสเยื่อบุหี อาจทำให้เกิดตาบอดหรือติดเชื้อรุนแรงจนเป็นอันตรายต่อทารกได้
                วิธีการป้องกันและการรักษา
                เมื่อมีเพศสัมพันธ์ควรใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้ง และเมื่อสงสัยว่าคู่นอนตนเองเป็นหนองในควรงดทำรักตรงควย ปาก จุดอับชื้นต่างๆบนร่างกาย ถ้ามีอาการปวดแสบ หรือคันตรงหี ควรหยุดการมีเพศสัมพันธ์และปรึกษาแพทย์

                สำหรับผู้ที่เป็นหนองใน แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ และงดการสัมผัสโรค เพราะสามารถกลับมาเป็นหนองในได้อีก ควรมีคู่นอนเพียงคนเดียว และการใช้ถุงยางอนามัยอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อได้

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โรคเอดส์ (AIDS: Acquired Immune Deficiency Syndrome)

โรคเอดส์ (AIDS: Acquired Immune Deficiency Syndrome)

                เอดส์ เป็นโรคติดต่อเรื้อรังสามารถรักษาได้ แต่ไม่หายขาด ในประเทศไทยคาดว่ามีผู้ติดเชื้อเอดส์มากถึง 7 แสนคน เสียชีวิตมากกว่า 3 หมื่นคน และมีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 1 ล้านคน สาเหตุหลักของการติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดจากทางเพศสัมพันธ์ ปัญหาโรคเอดส์เป็นปัญหาสะสมมานาน เพราะไม่พบวิธีการรักษาที่หายขาดได้ จึงต้องรักษาด้วยวิธีการทานยาต้านเชื้อไวรัสเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายเชื้อไวรัสเอดส์เท่านั้น
                โรคเอดส์ติดต่อได้อย่างไร?
               1.การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคู่ การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย การมีเพศสัมพันธ์แบบหญิงรักร่วมเพศและชายรักร่วมเพศ
                2.การใช้เข็มฉีดร่วมกับผู้อื่น ส่วนมากจะเป็นผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น
                3.การติดต่อจากมารดาสู่บุตร ซึ่งอาจติดต่อทางสายรก น้ำนม หรือทางกระแสเลือดโดยตรงก็ได้
                4.การสัมผัสกับสารคัดหลั่งที่มีเชื้อ
                5.จะไม่ติดจากการช่วยตัวเองและดูหนังโป๊แน่นอน
                โรคเอดส์ไม่สามารถติดต่อได้จากการถูกยุงกัด การสัมผัสผิวภายนอก น้ำลาย หรือการที่ออกมานอกร่างกาย เพราะเชื้อไวรัสจะอยู่ได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง
                อาการของโรคเอดส์ 3 ระยะ
                1.ในระยะแรกจะมีอาการเป็นไข้หวัด เจ็บคอ เวียนหัว ปวดเมื่อยตามตัว และอาการจะหายเป็นแกติเอง โดยไม่ต้องรับการรักษาใดๆ
                2.ต่อมาระยะที่สอง เริ่มบ่งบอกอาการติดเชื้อ แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อาการระยะนี้จะเกิดขึ้นภายหลัง 3 เดือน หลังจากร่างกายได้รับเชื้อแล้ว จะมีอาการเป็นเริม งูสวัด น้ำหนักเริ่มลดลง เริ่มมีผื่นคัน
                3.ระยะที่สาม ภูมิคุ้มกันเริ่มลดน้อยลง จะมีอาการติดเชื้อรุนแรง ส่งผลให้เป็นโรคมะเร็งบางชนิด มีก้อนหูดขึ้นตามแขนขา มีอาการทางประสาท แขนขาอ่อนแรง มีผื่นเชื้อราเป็นบริเวณกว้าง ลิ้นเป็นฝ้า
ถ้าไม่ได้รับการรักษา มีโอกาสเสียชีวิตได้
                การป้องกันการติดเชื้อเอดส์
                สำหรับการป้องกันการติดเชื้อเอดส์นั้น มีหลายวิธีให้เลือกใช้ โดยวิธีที่รู้จักกันเป็นอย่างดี คือ การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ นอกจากจะเป็นการป้องกันการติดเชื้อได้แล้วยังช่วยป้องกันการตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อมอีกด้วย วิธีอื่นๆ เช่น ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ไม่ใช้สารเสพติด หลีกเลี่ยงการสัก เพราะบางแห่งอาจทำความสะอาดเครื่องมือไม่สะอาดพอจะก่อให้เกิดการติดเชื้อ
                 ปัญหาโรคเอดส์มีจำนวนมากขึ้นทุกวัน เพราะความประมาทในการใช้ชีวิต การละเลยการใช้ถุงยางอนามัย และความรู้ไม่เท่าถึงการณ์ จึงทำให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยมากที่สุดส่งผลต่อการดำเนินชีวิต และหน้าที่การงานเป็นอย่างยิ่ง จึงต้องมีการส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์ เพื่อลดจำนวนโรคเอดส์ให้น้อยลง